New year New me: ปีใหม่นี้มาเริ่มเปลี่ยนตัวเองกันเถอะ!
ขอโทษทุกคนที่หายไปนานนะครับ ผมเขียนเรื่อง DeFi ลงใน Website Cryptomind ของบริษัทเลยไม่ได้อัพเดทในนี้ แต่ปีนี้จะเริ่มอัพเดทเรื่องอื่นๆนอกงานมากขึ้นแล้วครับ :D
ใครเป็นเหมือนผมบ้างมั้ยครับที่ปีใหม่ก็ต้องมีการตั้ง “ปณิธาน” ว่าปีนี้เราจะทำอะไรให้ดีขึ้น เชื่อว่าพวกลดน้ำหนัก, เก็บเงินได้ X บาทต่อปี, นั่งสมาธิทุกวัน, อ่านหนังสือสัปดาห์ละเล่ม, สอบ XX ผ่านหรือมีเวลาให้ครอบครัวเพิ่มขึ้น มันน่าจะต้องอยู่ใน List ของใครหลายคนแน่ๆ แล้วกลับไปรีวิวกันมั้ยครับครบปีทำได้จริงมากแค่ไหน
ผมเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ตั้ง ปณิธาน ไว้เยอะมากๆเหมือนกัน ดูอย่างในรูปนั่นคือภาพตอนสิ้นปี 2016 ครับว่าผมอยากทำอะไรบ้างในปีถัดไป และอยากจะมาสารภาพตรงนี้เลยว่า
ไม่รอดซักอัน 55555
บางปีก็ทำเนียนลืมมันไปว่าเคยตั้ง แล้วก็ตั้งอันเดิมใหม่ จนมาหลังๆมานี่คือเริ่มเข้าใจว่าตั้ง “กำกวม” เกินไป (ข้ออ้างชัดๆ) ไม่เป็นไปตามหลัก SMART ตามที่ @fluffyforger รีวิว เลยเปลี่ยนใหม่ให้ตรงตามหลักการมากขึ้น จะได้ทำได้จริง ผลลัพธ์การตั้งปณิธานใหม่ของปี 2021 ได้ตามนี้
ดูดีตามหลัก SMART เพราะ ชัดเจน (Specific), วัดผลได้ (Measurable), ทำได้จริง (Achievable), สมเหตุสมผลที่จะทำ (Realistic) และมีกรอบเวลา (Time-bound) แต่ผลลัพธ์นั้นก็ยังเหมือนไม่ต่างจากเดิมครับ
ทำไม่ได้ประจำอยู่ดี 5555
เลยกลับมานั่งตกตะกอนกับตัวเองไปเรื่อยๆเลยครับว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ที่ทำให้ไม่ได้ตาม Roadmap ที่วางไว้ อาจจะไม่ได้มีทฤษฎีอะไรมารองรับมากนะครับ เลยได้คร่าวๆมาแบบนี้
- ขี้เกียจ (ชัดเจน ไม่ต้องสืบ)
- มีเรื่องอื่นมาแทรก (อันนี้ตามสภาพเลย บางทีเปลีย่นหนักๆก็ต้องหยุดทำยาว)
- อยากทำหลายเรื่องเกินไป (เหมือนปลาน็อคน้ำที่อยู่ดีๆปีนี้ทำ 0 อย่าง ปีหน้าจะทำ 10 อย่าง)
- เป้าหมายใช้เวลานานเกินไป (หลายเรื่องที่ผมทำเหมือนเป็นการสร้างกิจวัตรใหม่ซึ่งขัดกับตัวเองมาก)
- หาข้ออ้างได้เสมอ (เช่นวันนี้นอนดึกเลยตื่น 6 โมงเช้าไม่ได้ เดี๋ยวสุขภาพเสีย)
- สบายใจกับการรู้ทฤษฎี ไม่ยอมปฏิบัติ (เหมือนการอ่านหนังสือ Self-Improvement เยอะจนรู้ทุกอย่าง แต่สุดท้ายไม่ยอมดึงไปใช้ในชีวิตตัวเอง)
- ไม่ได้อินกับแผน (หลายเรื่องที่ตั้งไม่ได้ออกมาจากใจจริง แค่ตั้งแบบที่สังคมหล่อหลอมว่ามันดี)
- ทำหรือไม่ทำก็ไม่ต่าง (หลายเรื่องมันส่งผลระยะยาวเลยคิดว่าค่อยทำทีหลังก็ได้)
โดยรวมแล้วมันก็มีหลายสาเหตุจริงๆที่ทำให้ “ใจ” ของผมไม่ได้มีแรงฮึดที่จะทำมันขนาดนั้น สุดท้ายปณิธานก็ถูกลืมเลือนไปภายในไม่กี่วันหลังจากเริ่มตั้ง (ฮา)
มาหาไอเดียในการสร้างแรงฮึดกันเถอะ
สำหรับผม ประสบการณ์ที่ผมได้เจอ หนังสือที่ได้อ่าน หนังดีๆซักเรื่อง คำถามที่ช่วยสะท้อนความคิด หรือแม้แต่ “คำคม” สั้นๆ บางครั้งมันเปลี่ยนวิธีคิดของผมไปเยอะมากเลยครับ ปี 2022 ที่ผ่านมานับว่าผมค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องที่อยากทำอยู่ เลยอยากมาแชร์ว่าผมไปเจออะไรมาที่กระตุกแรงฮึดผมให้กลับมานะครับ
“Designing Your Life”
คำนี้ผุดขึ้นมาในหัวผมอีกรอบตอนที่อาจารย์ชัชชาติได้เป็นผู้ว่าฯ เพราะผมเข้าสัมมนาที่อาจารย์พูดเรื่องนี้เมื่อ 4 ปีก่อน เนื้อหาในงานผมจำไม่ค่อยได้แล้วแต่ Main Idea ที่จำได้คือว่า “ชีวิตคนเราออกแบบเองได้ บางเรื่องอาจต้องรับสภาพมาตั้งแต่เกิด แต่อย่าให้มันมากำหนดตัวเราไปตลอดชีวิต ผมว่าเรายังมีช่องในการเลือกทางเดินชีวิตได้มากกว่าที่ตัวเองคิด” ไม่แน่ใจว่าคำนี้มันดลใจผมอีกรอบยังไง แต่ในตอนนั้นขากลับ BTS ด้วยกันกับอาจารย์ เค้าออกจากพรรคเพื่อไทยและเตรียมตัวลงเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯแล้ว พอ 4 ปีถัดมาเห็นอาจารย์ประสบความเร็จอย่างที่เคยหวังมันรู้สึกว่าคำพูดของอาจารย์มันมีพลังมากขึ้นยังไงก็ไม่รู้
ในหนังสือมีวิธีการต่างๆที่ช่วยให้เราออกแบบชีวิตให้ดีขึ้นมาก แนะนำสำหรับคนที่ยังหลงทางกับชีวิตให้ลองอ่านดูครับ ถ้ามีเพื่อนช่วยคิดไปด้วยกันนี่จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
“One thing”
เป็นชื่อหนังสือของ Gary Keller หนังสือเล่มนี้พยายามจะ Aggressive ไปในทางความคิดที่ว่า “สิ่งสำคัญในชีวิตอาจมีได้หลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนั้นมีได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น” เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรโฟกัสก็ควรเป็นอย่างเดียวเท่านั้นและทำมันไปทีละอย่างจนเสร็จค่อยทำสิ่งที่สำคัญที่สุดรองลงมา วิธีการนี้จะทำให้เราโตได้แบบก้าวกระโดดกว่าการเลือกทำหลายๆอย่างพร้อมกัน
เรื่องนี้ผมเคยคิดว่ามันขัดในทางปฏิบัติมาก ใครจะไปโฟกัสแค่เรื่องเดียวได้ ได้อ่านเมื่อนานมาแล้วเลยยังไม่ได้อินกับคำนี้เท่าไหร่ จนมาปีนี้เหมือนเริ่มตกตะกอนบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นหลายคนที่ประสบความสำเร็จในทางใดทางหนึ่ง เค้าก็ทิ้งเรื่องอื่นไปทั้งหมดเลย บางคนใช้ไอเดียคล้ายๆกันแต่เป็นการกำหนด “Theme ของปี” ว่าจะเน้นในเรื่องไหนเป็นหลัก
ผมเลยลองทำบ้างโดยปี 2022 กำหนด Theme ตัวเองเป็นเรื่อง Stablecoin จะเห็นบทความก่อนหน้านั้นที่ผม Review เรื่อง Stablecoin หลากหลายรูปแบบมากเพราะตอนการเจาะลึกถึงแก่นการคิดเรื่องนี้ให้มากที่สุด โดยทิ้งทั้งเรื่องอื่นๆเช่น รีวิวหนังสือ, Blockchain, NFT, GameFi, การลงทุน, ดนตรีทิ้งไปทั้งหมด ปรากฎว่าชีวิตผมดีขึ้นไปกว่าเดิมซะอีก เพราะเรื่องที่ผมยอมแลกทิ้งไปเพื่อมุ่งอยู่แค่เรื่องเดียวมันทำให้ Value ในตัวของผมมันเด่นขึ้นกว่าการเป็นคนรอบรู้เพียงผิวเผินซะอีก เลยอยากแนะนำให้ทุกคนกล้าตัดทิ้งทุกอย่างเหลือเพียง “อย่างเดียว” ในชีวิตแล้วมุ่งมันจนไปสุดทางดูครับ
กฎ 3 อย่างสู่ความสำหรับเร็จของ Warren Beffet
หากใครคิดว่าเลือกแค่อย่างเดียวมันดูฝืนใจมากเกินไป Warren Buffet นักลงทุน VI ชื่อดังของโลกแนะนำสิ่งที่คล้ายกันครับ คือ การ List สิ่งที่อยากทำมาไม่เกิน 25 อย่าง แล้วตัดเหลือ 5 อย่างเท่านั้น
ไอเดียคล้ายกันก็คือ 20 อย่างที่เราตัดทิ้งไปนั้นล้วนไม่สำคัญและไม่เร่งด่วนเท่ากับ 5 อย่างแรก ดังนั้น เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เรามีควรจะเอาไปทุ่มเทให้กับสิ่งที่ให้ค่าแก่ชีวิตเรามากที่สุดดีกว่า อาจจะเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นขึ้นมาหน่อยสำหรับคนที่เลือกแค่อย่างเดียวเท่านั้นไม่ไหวนะครับ
“Infinite Game”
เป็นหนังสือของ Simon Sinek จริงๆแล้ววเนื้อหาข้างในจะเป็นเชิงการแข่งขันทางธุรกิจที่เล่าการคิดเป็น 2 แบบคือกลุ่มที่คิดว่าการแข่งขันมีจุดสิ้นสุดว่าใครชนะ (Finite Game) กับอีกคนที่รู้ว่าเกมนี้เราเล่นกันชั่วชีวิตจนเกินอายุเราไปด้วยซ้ำ (Infinite Gme) เพราะฉะนั้น มุมมองการคิด การออกนโยบาย การคัดเลือกพนักงานแต่ละครั้งคนที่มองเกมยาวกว่านั้นดูจะเป็นผู้ชนะที่ยั่งยืน ไม่ฉาบฉวยชั่วคราว
ผมชอบคำนี้เพราะว่าชีวิตเราก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการเล่น Infinite Game เลย คำปลอบใจตอนเด็กที่บอกว่าเดี๋ยวจบม.ปลายก็สบายแล้ว มันไม่ใช่เลย 5555 พอมหาลัยหรือทำงาน หรือเลื่อนขั้นมันก็ยังไม่เห็นตอนไหนจะรู้สึกสบายใจจริงๆ ดังนั้น ในขณะที่เราค่อยๆแก่ลงไปเรื่อยๆ พลังในการใช้ชีวิตน้อยลงไป ระหว่างทางที่จะมาถึงเราควรจะใช้มันให้ดีแก่อนาคตของเรามากที่สุด คำนี้อาจจะอธิบายดูงงๆแต่ผมค่อนข้างชอบแหะ มันทำให้การกระทำของผมคิดไกลมากขึ้นกว่าแค่รู้สึกอยากเอาชนะกับเรื่องเล็กๆตรงหน้า
คำนวณ Risk-Reward Ratio ให้ดี
ใครเป็นนักลงทุนอาจจะเคยได้ยินคำนี้อยู่แล้ว มันคือการคำนวณรางวัลที่เราได้รับหากคิดถูก เปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่เราจะเสียเท่าไหร่หากผลลัพธ์มันออกมาไม่ตรงกับที่เราคาดการณ์ โดยรายละเอียดมันมีทั้งการคำนวณความเป็นไปได้ของทั้งสองทางที่อาจจะเกิดขึ้น ปกติจะใช้ในตอนก่อนลงทุนซื้อสินทรัพย์ใดก็ตาม เราจะ Take profit เท่าไหร่ และจะยอม Cut loss ที่เท่าไหร่ เมื่อเทียบกับความเป็นไปได้แล้วว่าคุ้มเสี่ยงก็ถึงลงทุน
มันอาจจะฟังดูไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต แต่ผมชอบเอามาโยงแบบนี้ครับ
การพูด/การกระทำ: ถ้าพูดออกไปมีแต่เสียกับเสมอตัว แปลว่าผลลัพธ์ในครั้งนี้ Reward = 0 แต่ Risk ไม่ 0 กับติดลบ เทียบกันแล้วไม่คุ้มที่จะพูดก็เงียบไว้ดีกว่า ผมชอบมากเพราะทำให้เรายับยั้งชั่งใจการกระทำบางอย่างของผมที่อย่าเอาตัวไปเสี่ยงกับการขาดทุนเลย
จริงๆ เรื่องนี้ใช้ประยุกต์ได้กับทุกอย่างเลย ผมว่าเป็น Mindset ที่ดีนะครับในการตัดสินใจทำอะไรหรือพูดอะไรออกไปจะได้รอบคอบมากขึ้น
พวกคำเหล่านี้เป็นคำที่ทำให้ผมมีแรงฮึดแล้วตั้งใจทำสิ่งที่อยากทำขึ้นมาครับ เชื่อว่าคำหรือบทความที่จะทำให้แต่ละคนฮึดได้นั้นคงมีแตกต่างกันไปแล้วแต่สิ่งที่พบเจอมา ดังนั้นปี 2023 นี้ขอให้ทุกคนได้เจอ “คำ” ที่จุดประกายความฮึดของเราขึ้นมานะครับ
การตั้งปณิธานปี 2023 ของผม
ปณิธานปี 2023 ของผมใช้หลักการของ Warren เลยครับ คือลิสต์สิ่งที่อยากทำมาให้หมดก่อน มีทั้งเรื่องให้ความรู้กับผู้คนได้เยอะขึ้น, การสอบ CFA, ออกกำลังกาย, หารายได้เสริม, เขียนบทความให้ได้ถี่ขึ้น, ขยายความเป็น Expert มาที่เรื่อง Ethereum, การศึกษาเรื่องการเทรด/ Python/ Solidity ให้มากขึ้น, การมีเวลาให้ครอบครัว, ศึกษา AI ในละเอียดขึ้น (รูปในบทความนี้ให้ Midjourney สร้างให้หลายรูปมาก)
ประกอบกับใจของผมและแผนของคนในทีมว่าทำงานมา 1 ปี ชอบทำงานแบบไหน ผมเริ่มตอบตัวเองได้ว่าชอบ Live ให้ความรู้นะ แต่ให้ทำทุกวันจันทร์แบบที่เคยทำมันหนักไป เพราะต้องรับผิดชอบเรื่องอื่นมากขึ้นและอยากเป็น Expert อีกซักหนึ่งเรื่องด้วย ละถ้าเทียบผมว่าผมสบายใจกับการเขียนหรืออะไรที่ไม่มีกรอบเวลาแน่นอนมากกว่า โชคดีที่น้องในทีมตรงข้ามกับผมเลยคือชอบ Live ไม่ชอบเขียน และทางบริษัทยืดหยุ่นมากด้วย เลยไปตกตะกอนความคิดและลองทำ Action plan ดูพบว่าจริงๆหลายอย่างที่ผมอยากทำมันคือ “Theme” เดียวกันได้ทั้งหมดเลยและยังไม่ได้ขวางการทำงานของทีมด้วย ได้แบบนี้ครับ
Theme หลัก (ปณิธาน)
- ให้ความรู้
Objectives
- ต้องทำตัวเองเป็น KOL / คนติดตามเยอะๆ ความรู้จะได้กระจายได้กว้างๆ (อาจจะได้รายได้เสริมด้วย จะรีวิวแบบซื่อสัตย์ครับ)
Action plans
- ต้องผลิต Centents ดีๆเพื่อให้คนติดตาม และคนแชร์ไปกว้างๆ
รายละเอียด Contents
- Ethereum (ดูตลาดแล้วยังไม่มีผู้นำเรื่องนี้ชัดเจน และเข้าแก๊ปกับสิ่งที่อยากเป็น Expert พอดี)
- Finance (ถ้าเรื่อง Finance แบบลึกๆแต่อธิบายง่ายๆยังไม่ค่อยเห็น นอกจากอ่านเพื่อสอบ CFA ยังเอามาเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อเป็นประโยชน์ได้ และความรู้ด้านการเงินเป็นเรื่องที่มีประโยชน์แก่ทุกคนอยู่แล้ว)
- Cryptomind (เป็นงานที่เขียนให้บริษัทอยู่แล้ว สามารถแชร์มาที่หน้า Feed ตัวเองได้)
- DeFi (เคย Expert อยู่แล้ว หลังจากนี้การ Follow up ตลาดดูจะไม่อยากเกินไป ยังไม่มีผู้นำที่เด่นด้านนี้ชัดเจนด้วย)
- สรุปข่าวเช้าน่าสนใจเกี่ยวกับคริปโต (เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว หากเอามาทำสรุปง่ายๆให้คนดูได้ก็เป็นการใช้ของที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด)
คร่าวๆของผมก็ประมาณนี้ครับสำหรับแผนที่อยากทำในปี 2023 นี้ เรื่องครอบครัวและออกกำลังกายผมดรอปลงก่อน หวังแค่รักษาไว้ให้ไม่แย่กว่าเดิมก็พอ มันอาจจะดูไม่ใช่ One thing หรือ 5 เรื่องหลักแบบ Warren แต่ก็ประยุกต์เอาตามที่ผมคิดว่าเหมาะกับตัวเองไปและตี๊ต่างว่า Action plan มีอย่างเดียวคือ “เขียน Content” ไง มันก็น่าจะได้มั้งครับ 555
พอเขียนให้มันเป็นแบบแผนแบบนี้ผมรู้สึกว่าถ้าผมจะทำอะไร มันจะไป Serve ปณิธานหลักของผมให้เข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ได้หลงทาง ถ้ามีอะไรที่มันเกิดนอก Scope ที่ผมเขียนขึ้นมาแต่มันยังสามารถลู่ไปในทางเดียวกันได้ ผมก็จะทำมัน พอเรียงได้แบบนี้เลยรู้สึกว่า ปณิธานมันไม่ได้เข้าหลักการ SMART แต่ก็ให้ความรู้สึกว่าเราทำได้จริงๆเลยครับ
สำหรับคนอื่นที่อ่านจบ ขอบคุณมากๆนะครับที่ฟังผมเวิ่นเว้อได้ถึงตรงนี้ ขออวยพรให้ทุกคนพบเจอแต่สิ่งดีๆในปี 2023 คิดอะไรก็สมหวัง เจอแต่คนรอบตัวที่ช่วยซัพพอร์ต สุขภาพแข็งแรง และถ้าบทความนี้ดึงให้ผู้อ่านมีแรงฮึดในการลองตั้งปณิธานของตัวเองขึ้นมาได้ก็ถือว่าบทความนี้บรรลุผลแล้ว ขอให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้นะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ :D